4 พ.ค. 2560
ข่าวประชาสัมพันธ์
ไอซีบีซี (ไทย) ตั้งเป้าปี 2560 สินเชื่อโต 10-15%
การลงทุนโดยตรงจากจีนและฮ่องกงรวมถึงอีอีซี หนุนการเติบโต
ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) มั่นใจสินเชื่อปีนี้โตตามเป้าหมาย 10-15% หลังเห็นสัญญาณการลงทุนโดยตรงจากจีนและฮ่องกงต่อเนื่อง ชี้แผนพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี จะเป็นอีกหนึ่งแรงส่งสำคัญ ดันนักลงทุนจากจีนมาไทยมากขึ้น ขณะที่ผลประกอบการไตรมาสแรกของปีทำได้ตามเป้าหมาย มีกำไรสุทธิเติบโต 3% หนี้ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) ต่ำสุดในระบบธนาคารที่ 1.36%
ดร. จื้อกัง หลี่ ประธานกรรมการธนาคารไอซีบีซี(ไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ธนาคารไอซีบีซี (ไทย) มีผลประกอบการในไตรมาสที่ 1/2560 เติบโตเป็นที่น่าพอใจ ท่ามกลางเศรษฐกิจไทยที่ฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยธนาคารและบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 544 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 จากไตรมาส 1 ปี 2559 ในขณะที่สินทรัพย์รวมของธนาคารเพิ่มขึ้น 1.2 หมื่นล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 6 จากปลายปี 2559 ที่มีสินทรัพย์รวมที่ 1.86 แสนล้านบาท
โดยเป็นการเพิ่มขึ้นจากทั้งเงินลงทุน และเงินให้สินเชื่อ ทั้งนี้ เงินให้สินเชื่อในไตรมาส 1 ของปี 2560 เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 หรือเพิ่มขึ้นประมาณ 3.6 พันล้านบาท การขยายตัวของสินเชื่อส่วนใหญ่มาจากสินเชื่อธุรกิจเพื่อสนับสนุนการลงทุนของนักธุรกิจจีนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
ในขณะที่เงินรับฝากจากประชาชน เพิ่มขึ้นร้อยละ 3 เช่นกัน จากสิ้นปี 2559 ที่มีเงินฝากคงค้าง 9.2 หมื่นล้านบาท อย่างไรก็ตาม นอกเหนือจากเงินรับฝากจากประชาชน ธนาคารยังมีความได้เปรียบได้การจัดหาเงินทุนจากแหล่งต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเครือข่ายของกลุ่มธนาคารไอซีบีซี ที่มีสาขากระจายอยู่ทั่วโลก ซึ่งเพียงพอต่อการเติบโตของสินเชื่อที่วางไว้
ดร.หลี่ กล่าวว่า ภาพรวมเศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกของปี 2560 ฟื้นตัวค่อยเป็นค่อยไป โดยธนาคารคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะสามารถขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปที่ร้อยละ 3-4 บนนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ และแผนพัฒนาโครงสร้าง ตลอดจนแผนพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี โดย อีอีซี นับเป็นหนึ่งในโอกาสธุรกิจสำหรับธนาคาร ทั้งนี้ธนาคารคาดว่า การลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนประเทศจีน และฮ่องกง จะยังมีต่อเนื่อง
เพื่อให้สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจในประเทศ ในปี 2560 ธนาคารมีเป้าหมายเติบโตสินเชื่อที่ร้อยละ 10-15 โดยธนาคารยังคงเดินตามแผนยุทธศาสตร์ระยะยาวที่มุ่งเน้นกลุ่มลูกค้าสินเชื่อขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจจีน ซึ่งปัจจุบันเข้ามามีบทบาทในการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ของประเทศไทยเป็นอย่างมาก ดังจะเห็นได้จากการเงินลงทุนโดยตรงจากจีนและฮ่องกงที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันแผนพัฒนาเขตพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี ของประเทศไทย จะช่วยดึงดูดนักลงทุนจากประเทศจีนให้เข้ามาลงทุนในประเทศไทยได้มากยิ่งขึ้น ดังนั้น เชื่อว่า ในปี 2560 ธนาคารจะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
ด้วยเหตุนี้ ธนาคารจึงกำหนดกลยุทธ์หลักในการดำเนินธุรกิจในปี 2560 เพื่อสนับสนุนการเติบโตสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง
- ขยายฐานลูกค้าบรรษัทด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่ครบถ้วน ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า
- เพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มลูกค้าเอสเอ็มอีในประเทศไทย
- เน้นกลุ่มลูกค้าจีนที่มีความสนใจลงทุนในประเทศไทย พร้อมกันกับช่วยเพิ่มปริมาณการค้าการส่งออกของสองประเทศ
- พัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินในกลุ่ม EFF (Equipment Fleet Financing) รวมถึงการขยายสินเชื่อรถใหม่ ผ่านบริษัทลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย
- ขยายฐานลูกค้ารายย่อยอย่างต่อเนื่อง พร้อมกับอัพเกรดธุรกิจบัตรและดิจิตัล แบงก์กิ้ง เพื่อสอดรับกับความต้องการในรูปแบบใหม่ของลูกค้า
- ให้ความสำคัญกับธุรกิจบัตรและอิเล็กทรอนิกส์ แบงก์กิ้ง รวมถึงขยายฐานลูกค้ากลุ่มเงินเดือน และการขายข้ามผลิตภัณฑ์ร่วมกับบริษัท ลีสซิ่งไอซีบีซี (ไทย)
- ตอกย้ำการเป็นตัวเลือกแรกสำหรับลูกค้าในการรับชำระเงินหยวน จากบทบาทของการเป็นธนาคารรับชำระดุลเงินหยวนในประเทศไทย
“แม้ธนาคารจะมีเป้าหมายเติบโตในระดับสองหลัก เรายังคงรักษานโยบายการบริหารความเสี่ยงด้วยการปล่อยสินเชื่ออย่างระมัดระวัง ดังจะเห็นได้จากหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของธนาคาร ณ สิ้นไตรมาส 1 อยู่ที่ร้อยละ 1.36 ลดลงจาก 1.49% ณ สิ้นปี 2559 ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำสุดเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของทั้งระบบ” ประธานกรรมการธนาคาร กล่าว
ดร.หลี่ กล่าวว่า แม้ว่า เศรษฐกิจไทยจะเติบโตอย่างค่อยเป็นค่อยไป การแข่งขันจากธนาคารด้วยกันเอง และเทคโนโลยีเปลี่ยนโลก แต่ด้วยการบริหารจัดการอย่างรัดกุม และการมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งของไอซีบีซี ประเทศจีน ไอซีบีซี (ไทย) เชื่อมั่นว่าจะบรรลุเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปี 2560 นี้ และตอกย้ำการเป็นธนาคารท้องถิ่นที่มีคุณค่าในประเทศไทยและเป็นสถาบันการเงินเชื่อมเศรษฐกิจไทย-จีน
ในปี 2559 ที่ผ่านมา ไอซีบีซี (ไทย) และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิ 1,470 ล้านบาท เติบโต 10% จากกำไรสุทธิปี 2558 ที่1,335 ล้านบาท ธนาคารมีสินทรัพย์รวมเพิ่มขึ้น 2% มาอยู่ที่ 186 แสนล้านบาท จากปีก่อนหน้าที่มีสินทรัพย์รวมที่ 183 แสนล้านบาท สินเชื่อและเงินลงทุนเติบโตเล็กน้อยมาอยู่ที่ 182 แสนล้านบาท และเงินฝากเติบโตจาก 8.6 หมื่นล้านบาทมาอยู่ที่ 9.2 หมื่นล้านบาท การเติบโตที่แข็งแกร่งของสินทรัพย์เป็นผลจากทุกๆ ธุรกิจของธนาคาร รวมถึงการสนับสนุนสินเชื่อให้กับกลุ่มทีซีซีในการซื้อกิจการบิ๊กซี ประเทศไทย
นอกจากนี้ ธนาคารยังสามารถขยายฐานลูกค้าทั้งบรรษัทและรายย่อย ทั้งนี้ จำนวนลูกค้าบรรษัท ณ สิ้นปี 2559 อยู่ที่ 3,545 ราย เพิ่มจากปีก่อนหน้าที่ 3,491 ราย ด้านลูกค้ารายย่อย ธนาคารมีฐานลูกค้าทั้งสิ้น 162,757 ราย เพิ่มจาก 157,799 รายจากปีก่อนหน้า
ประธานกรรมการธนาคารไอซีบีซี (ไทย) กล่าวว่า ด้วยความสามารถในการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์ ทำให้สินเชื่อด้อยคุณภาพลดลงจาก 1.56% มาอยู่ที่ 1.49% ณ สิ้นปี 2559 นับเป็นตัวเลขที่ต่ำที่สุดในระบบธนาคารพาณิชย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ของไทย และทำให้อัตราส่วนเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญทั้งสิ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) สูงที่สุดในระบบ ด้วยตัวเลข 294% จาก 189% ในปี 2558
ข้อมูลที่สำคัญของธนาคารปี 2559 เมื่อเปรียบทียบปี 2558
|
ปี 2559
|
ปี 2558
|
กำไรสุทธิ
|
1.47 พันล้านบาท
|
1.335 พันล้านบาท
|
สินทรัพย์รวม
|
1.86 แสนล้านบาท
|
1.83 แสนล้านบาท
|
สินเชื่อและเงินลงทุน
|
181.34 แสนล้านบาท
|
180.89 แสนล้านบาท
|
เงินฝาก
|
9.2 หมื่นล้านบาท
|
8.6 หมื่นล้านบาท
|
หนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้
|
1.39%
|
1.56%
|
อัตราส่วนเงินสำรองหนี้สงสัยจะสูญและหนี้สูญทั้งสิ้นต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio)
|
294%
|
189%
|
จำนวนลูกค้าธุรกิจ
|
3,545 ราย
|
3,491 ราย
|
จำนวนลูกค้ารายย่อย
|
162,757 ราย
|
157,799 ราย
|
|